ทันตกรรมรากฟันเทียม Implant
รากฟันเทียมเป็นสกรูโลหะขนาดเล็กที่ทำจากไททาเนียมที่ฝังอยู่ในกระดูกขากรรไกร ทำหน้าที่เป็นรากฟันเทียมสำหรับฟันเทียม ฟันเทียมสามารถเป็นได้ทั้งครอบฟัน สะพานฟัน และฟันเทียมแบบถอดได้

รากฟันเทียมมีข้อดีหลายประการเหนือกว่าการรักษาอื่นๆ สำหรับฟันที่สูญเสียไป เช่น ครอบฟันหรือฟันปลอม รากฟันเทียม :
-
รากฟันเทียมเป็นแบบติดแน่น จึงรู้สึกเหมือนเป็นฟันธรรรมชาติในปาก พูดชัด เคี้ยวได้สะดวก ไม่ต้องถอดเข้าออก และไม่มีขอบเขตที่ยาวเวลาใส่หรือใช้งานแบบฟันปลอมถอดได้
-
ทนทานและมีอายุการใช้งานยาวนาน รากฟันเทียมสามารถมีอายุการใช้งานได้หลายสิบปีหากดูแลรักษาอย่างเหมาะสม
-
รู้สึกและดูเป็นธรรมชาติเหมือนฟันธรรมชาติ รากฟันเทียมทำจากวัสดุที่มีคุณภาพสูงและฝังอยู่ในกระดูกขากรรไกร จึงทำให้รู้สึกและดูเป็นธรรมชาติเหมือนฟันธรรมชาติ
-
ช่วยให้เคี้ยวและพูดได้อย่างมีประสิทธิภาพ รากฟันเทียมช่วยให้เคี้ยวและพูดได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นเดียวกับฟันธรรมชาติ
ขั้นตอนการทำรากเทียม
1.ปรึกษา: พูดคุยกับทันตแพทย์ถึงทางเลือกการรักษา ทันตแพทย์จะตรวจสุขภาพช่องปาก พิมพ์ปาก และส่งถ่ายภาพ X-rays CBCT
2. การวางแผนการรักษา: ทันตแพทย์วางแผนจำนวนและตำแหน่งของรากฟันเทียมที่จะใส่ ขึ้นกับจำนวนฟันที่สูญเสีย ปริมาณและระดับกระดูกของขากรรไกร
3. การผ่าตัด : ทันตแพทย์จะทำการผ่าตัดฝังรากเทียมภายใต้ยาชาเฉพาะที่ ขั้นตอนนี้ใช้เวลา 1-2 ชั่วโมง
4.การรวมตัวกันของกระดูก : รอระยะเวลาให้มีการยึดติดกันระหว่างรากฟันเทียมและกระดูกโดยรอบ ใช้เวลา 3-6 เดือน
5.การวางแผนใส่ครอบฟันหรือฟันเทียมบนรากเทียม : เมื่อรากฟันเทียมยึดกับกระดูกดีแล้ว ทันตแพทย์จะพิมพ์ฟันเพื่อใส่ครอบฟันหรือฟันเทียมบนรากฟันเทียมต่อไป
ข้อดีของรากฟันเทียม
-
มีความแข็งแรงและทนทาน
-
รากฟันเทียมสามารถใช้งานได้ยาวนานหลาย 10 ปี
-
รากฟันเทียมสามารถช่วยให้ฟันเรียงตัวสวยและสม่ำเสมอ ช่วยให้ผู้เข้ารับบริการมีความมั่นใจในรอยยิ้ม
-
รากฟันเทียมช่วยยึดติดกับกระดูกขากรรไกร ช่วยป้องกันการสูญเสียกระดูกบริเวณที่สูญเสียฟัน
ข้อเสียของรากฟันเทียม
-
รากฟันเทียมเป็นการรักษาที่ราคาสูง
-
ค่าใช้จ่ายจะขึ้นอยู่กับจำนวนรากฟันเทียมที่ต้องการใส่ และวัสดุที่ใช้
-
ต้องใช้เวลาในการรักษา
-
มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อ กระดูกอักเสบ เหงือกอักเสบ เป็นต้น
ข้อควรปฏิบัติหลังการทำรากฟันเทียม
-
ควรรับประทานอาหารอ่อน ๆ ในช่วงแรก
-
ควรแปรงฟันและบ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปากตามปกติ
-
ควรไปพบทันตแพทย์ตรวจแผลและตัดไหมตามนัด
-
ควรหลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารแข็ง ๆ หรือกัดของแหลมคม